เรื่องที่
1 การจัดเก็บข้อมูล
การเก็บรวบรวมข้อมูล
เป็นขั้นตอนที่ให้ได้มาซึ่งข้อมูลที่ต้องการมีความหมายรวมทั้งการเก็บข้อมูลขั้นมาใหม่
และการรวบรวมข้อมูลจากผู้อื่นที่ได้เก็บไว้แล้ว หรือได้รายงานไว้ในเอกสารต่างๆ เพื่อนำมาศึกษาต่อไป
การเก็บรวบรวมข้อมูลมีเทคนิคและวิธีการหลายวิธี ดังนี้
1. การเก็บรวบรวมข้อมูลจากรายงาน (Reporting
System) เป็นผลพลอยได้จากระบบการบริหารงาน
เป็นการเก็บรวบรวมข้อมูลจากรายงานที่ทำไว้หรือจากเอกสารประกอบการทำงาน ซึ่งการเก็บรวบรวมข้อมูลจากรายงานส่วนมากใช้เพียงครั้งเดียว
จากรายงานดังกล่าว อาจมีข้อมูลเบื้องต้นบางประเภทที่สามารถนำมาประมวลเป็นยอดรวมข้อมูลสถิติได้
วิธีเก็บรวบรวมข้อมูลจากรายงานของหน่วยบริหาร
นับว่าเป็นวิธีการรวบรวมข้อมูลสถิติโดยไม่ต้องสิ้นเปลืองค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานมากนัก
ค่าใช้จ่ายที่ ใช้ส่วนใหญ่ก็เพื่อการประมวลผล พิมพ์แบบฟอร์มต่างๆ
ตลอดจนการพิมพ์รายงาน วิธีการนี้ใช้กันมาก ทั้งในหน่วยงานรัฐบาลและเอกชน
หน่วยงานของรัฐที่มีข้อมูลสถิติที่รวบรวมจากรายงาน ได้แก่ กรมศุลกากร
มีระบบการรายงานเกี่ยวกับการส่งสินค้าออก และการน่าสินค้าเข้า
และกระทรวงศึกษาธิการ มีรายงานผล การปฏิบัติงานของโรงเรียนภายในสังกัด
ซึ่งสามารถน่ามาใช้ในการประมวลผลสถิติทาง การศึกษาได้
2. การเก็บรวบรวมข้อมูลจากทะเบียน (Registration)
เป็นข้อมูลสถิติที่รวบรวมจากระบบ ทะเบียน มีลักษณะคล้ายกับการรวบรวมจากรายงานตรงที่เป็นผลพลอยได้เช่นเดียวกัน
จะต่างกันตรงที่ แหล่งเบื้องต้นของข้อมูลเป็นเอกสารการทะเบียนซึ่งการเก็บมีลักษณะต่อเนื่อง
มีการปรับแก้หรือเปลี่ยนแปลง ให้ถูกต้องทันสมัย ทำให้ได้สถิติที่ต่อเนื่องเป็นอนุกรมเวลา
ข้อมูลที่เก็บโดยวิธีการทะเบียน มีข้อรายการ ไม่มากนัก เนื่องจากระบบทะเบียนเป็นระบบข้อมูลที่ค่อนข้างใหญ่
ตัวอย่างข้อมูลสถิติที่รวบรวมจาก ระบบทะเบียน ได้แก่
สถิติจำนวนประชากรที่กรมการปกครอง ดำเนินการเก็บรวบรวมจากทะเบียนราษฎร์ ประกอบด้วย
จำนวนประชากร จำแนกตามเพศเป็นรายจังหวัด อำเภอ ตำบล นอกจากทะเบียนราษฎร์แล้ว
ก็มีทะเบียนยานพาหนะของกรมตำรวจที่จะทำให้ได้ข้อมูลสถิติจำนวนรถยนต์
จำแนกตามชนิดหรือ ประเภทของรถยนต์ เป็นด้น
3. การเก็บรวบรวมข้อมูลโดยวิธีสำมะโน (Census) เป็นการเก็บรวบรวมข้อมูลสถิติของทุกๆ
หน่วยของประชากรที่สนใจศึกษาภายในพื้นที่ที่กำหนด และภายในระยะเวลาที่กำหนด
การเก็บรวบรวม ข้อมูลสถิติด้วยวิธีนี้ จะทำให้ได้ข้อมูลในระดับพื้นที่ย่อย เช่น
หมู่บ้าน ตำบล อำเภอ และทำให้ได้ข้อมูลที่ เป็นค่าจริง
ตามพระราชบัญญัติสถิติ
พ.ศ.2508 ได้บัญญัติไว้ว่า สำนักงานสถิติแห่งชาติเป็นหน่วยงาน
เดียวที่สามารถจัดทำสำมะโนได้ และการเก็บรวบรวมข้อมูลสถิติด้วยวิธีการสำมะโน
เป็นงานที่ต้องใช้ เงินงบประมาณ เวลาและกำลังคนเป็นจำนวนมาก
ส่วนใหญ่จะจัดทำสำมะโนทุก ๆ 10 ปี หรือ 5 ปี
4. การเก็บรวบรวมข้อมูลโดยวิธีสำรวจ (Sample
Survey) เป็นการเก็บรวบรวมข้อมูลสถิติ จากบางหน่วยของประชากรด้วยวิธีการเลือกตัวอย่าง
การเก็บรวบรวมข้อมูลสถิติด้วยวิธีนี้ จะทำให้ได้ข้อมูลในระดับรวม เช่น จังหวัด ภาค
เขตการปกครอง และรวมทั่วประเทศ และข้อมูลที่ได้จะเป็นค่า โดยประมาณ การสำรวจเป็นวิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลที่ใช้งบประมาณ
เวลา และกำลังคนไม่มากนัก จึงสามารถจัดทำได้เป็นประจำทุกปี หรือทุก 2 ปี ปัจจุบันการสำรวจเป็นวิธีการเก็บรวบรวมข้อมูลสถิติที่มี
ความสำคัญ และใช้ลันอย่างแพร่หลายมากที่สุด ทั้งในวงการราชการและเอกชน
ไม่ว่าจะเป็นการสำรวจ เพื่อหาข้อมูลทางด้านการเกษตร อุตสาหกรรม สาธารณสุข
การคมนาคม การศึกษา และข้อมูลทาง เศรษฐกิจและสังคมอื่น ๆ เป็นต้น
5. วิธีการสังเกตการณ์ (Observation) เป็นวิธีเก็บข้อมูลโดยการสังเกตโดยตรงจากปฏิกิริยา ท่าทาง หรือเหตุการณ์
หรือปรากฏการณ์ ที่เถิดขึ้นในขณะใดขณะหนึ่ง และจดบันทึกไว้โดยไม่มีการ
สัมภาษณ์วิธีนี้ใช้กันอย่างกว้างขวางในการวิจัย เช่น
จะศึกษาดูปฏิกิริยาของผู้ขับรถยนต์บนท้องถนน ภายใต้สภาพการณ์จราจรต่าง ๆ ลัน
ก็อาจจะส่งเจ้าหน้าที่ไปยืนสังเกตการณ์ได้ การสังเกตจำนวนลูกค้า
และบันทึกปริมาณการขายของสถานประกอบการ โดยพนักงานเก็บภาษีของกรมสรรพากร
เนื่องจากการ ไปสัมภาษณ์ผู้ประกอบการถึงปริมาณการขาย ย่อมไม่ได้ข้อมูลที่แท้จริง
6. วิธีการบันทึกข้อมูลจากการวัดหรือนับ
วิธีนี้จะมีอุปกรณ์เพื่อใช้ในการวัดหรือนับตาม ความจำเป็นและความเหมาะสม เช่น
การนับจำนวนรถยนต์ที่แล่นผ่านที่จุดใดจุดหนึ่ง ก็อาจใช้เครื่องนับ
โดยให้รถแล่นผ่านเครื่องนับ หรือการเก็บข้อมูลจำนวนผู้มาใช้บริการในห้องสมุดประชาชน
ก็ใช้เครื่อง นับเมื่อมีคนเดินผ่านเครื่อง เป็นต้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น